PART2. StartTrip ออกเดินทางไปญี่ปุ่นกัน


PART2. รีวิววันแรกของการเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นครั้งแรก จะเป็นยังไงไปชมกันครับ

PART1 การเตรียมตัวไปญี่ปุ่นครั้งแรก
http://www.tumman.com/2017/03/tokyo.html



ทำความเข้าใจก่อนเดินทาง การเดินทางครั้งนี้ของผม ระยะเวลา9วัน8คืน โดยจะใช้พาสเที่ยว(ที่อธิบายไว้ใน PART.1) โปรแกรมคร่าวๆจะเป็นตามนี้ครับ
-วันที่1 : เดินทางถึงญี่ปุ่น เที่ยวใกล้ๆที่พัก
วันที่2-3-4จะใช้ TOKYO WIDE PASS
-วันที่2 : Yuzawa
-วันที่3-4 : Kawaguchiko

วันที่5-6-7จะใช้ TOKYO Subway 72H
-วันที่5 : เที่ยวใน Tokyo
-วันที่6 : เที่ยวใน Tokyo
-วันที่7 : เที่ยวใน Tokyo
วันที่8 ไม่ใช้พาส เที่ยวแถวที่พักเตรียมเดินทางกลับ
สนามบินวินเทจมากๆ
(อารมณ์แบบเพิ่งเคยมาดอนเมืองครั้งแรก)  

Scoot เที่ยวบินที่โดนตีตราไว้ว่าชอบ overbooking ทำให้เราต้องมาเร็วๆ เพื่อต่อคิว แต่ผมใช้วิธีเพิ่มเงิน 150บาท/คน เพื่อให้ได้เช็คอินก่อนใคร(BoardMeFirst) ตอนเข้าไปแถวยาวมากๆๆๆๆๆ ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผมกับแฟน เฮ้ยมึงแซงคิวแน่เลย เพราะช่อง ScootBiz มีผมกับแฟนแค่สองคน เสีย150บาทแล้วดูเป็นตัวโกงขึ้นมาทันที 555+

ยังไม่ทันได้ขึ้นเครื่อง ด้วยความหิวก็โดนค่าอาหารล่ะ แต่ก็ต้องกินเพราะ LOWCOST ที่รู้ๆกันไม่มีอาหารเสิร์ฟอยู่แล้ว 



เดินเข้ามาก็นั่งรอกันที่ GATE พอถึงเวลาเจ้าหน้าที่ก็จะเรียก Firstclass/ScootBiz ขึ้นเครื่องก่อน
โดนจับจ้องด้วยสายตาอีกแล้ว 150บาท ทำให้ไม่ต้องต่อคิวยาวๆ นะครับ


ที่นั่งกว้าง นั่งสบายมากครับ ไม่อึดอัดเลย

00.30น. บับบายกรุงเทพ 



ถ้าใครบินเที่ยวบินรอบเช้าและชอบถ่ายรูป ก็แนะนำให้นั่งฝั่งซ้ายนะครับ 
จะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิจากมุมสูง


7.50น. เดินทางถึงสนามบินนาริตะ 

มัวแต่ถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอเล่น หันมาอีกทีคนหายไปไหนกันหมดเนี่ยยยย

ใช้เวลาไม่นานในการผ่าน ตม. พาสปอร์ตหน้าขาวๆ ก็ไม่มีคำถามจาก ตม.ซักคำ มีแต่ตรงด่านศุลกากร ถามว่าไปไหน พักที่ไหน มาด้วยกันหรือเปล่า แค่นี้ผ่านฉลุย ....
เนื่องจากไปครั้งแรกและไปกันสองคน มัวแต่ซื้อ Pass, ออกตั๋วที่จองมา, ซื้อตั๋วรถไฟ Keisei ทำให้ลืมถ่ายรูปเก็บไว้เลย แถมตอนที่ซื้อตั๋ว Keisei Skyliner ก็ดันลืมแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าจะขอรอรอบรถไฟเที่ยวถัดไป เลยทำให้มีเวลาอยู่ที่สนามบินแค่10นาที พอเดินลงมาถึง Track รถไฟก็วิ่งมาจอดพอดี เลยต้องรีบขึ้นกัน 


 
แนะนำ ถ้าใครสงสัยวิธีเดินทางให้ดูจาก VDO ของคุณ Beer (บีหรุ) นะครับแล้วนำมาปรับใช้
ผมก็ดูคร่าวๆว่าต้องเดินไปทางไหน อะไรอยู่ตรงไหน มารอรถยังไง (ลองปรับใช้กันดูครับ)






เราเดินทางมาอูเอโนะกันด้วย Keisei Skyliner วิ่งรวดเดียวถึง ใช้เวลา40กว่านาที ด้วยความเร็วประมาณ160กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน Keisei Skyliner ดูหรูหรา ที่นั่งกว้างมาก ไม่อึดอัด ตรงประตูทางเข้ามีที่ไว้กระเป๋า ใครพักแถวอูเอโนะและไม่ชอบต่อรถไฟก็แนะนำๆ


นั่งชมวิว ไปเรื่อยๆ เพลินๆ แพล๊บเดียวก็ถึง

 สถานีเคเซอูเอโนะ (KeiSei Ueno) ไม่ใช่สถานีอูเอโนะนะครับ คนละชื่อกัน แต่ทางเดินใต้ดินก็เชื่อมกัน เดินถึงกันได้ เผื่อขากลับจะได้เดินมาขึ้นรถไฟกันถูก

จากสถานีอูเอโนะ 10.20น.เราก็มาเช็คอินที่โรงแรมก่อน เพื่อฝากกระเป๋าแล้วจะได้ไปเดินเที่ยวให้สบายใจ 
เพื่อไม่ให้ยาวเกิน รีวิวโรงแรมแยกไว้ให้แล้วนะครับ (คลิกที่ภาพ/Link)

11.00น.ก็ได้เวลาออกไปเที่ยวกันแล้ว นั่งรถไฟกลับไปที่สถานีอูเอโนะไปหาอะไรกินกันครับ ค่ารถไฟ 1สถานี 170y 

มื้อแรกที่เรามาทานกันก็คือร้านนี้ Miura Misaki-kou หรือ ซูชิหน้าล้น ที่เรารู้จักกัน
ช่วงเวลาที่ผมไปคนยังน้อยไม่ต้องรอคิวเลย ออกมาตอนทานเสร็จแถวเริ่มยาว

พิกัดตามนี้นะครับ ถ้าใช้ Google ก็เข้าไป Favorite ตามที่ผมแนะนำไว้ใน (PART.1) เลยครับ จะได้ไม่ต้องเดินวนหาให้เมื่อย

Link แผนที่

ซูชิจะมาตามสายพาน ราคาจะคิดตามสีของจาน

หรือถ้าต้องการสั่งพิเศษจากเมนูก็ได้ 









อร่อยไหม/คุ้มไหม อยู่ที่ความชอบส่วนตัวนะครับ ไม่ขอคอมเม้นท์


จากที่อธิบายเรื่องการขึ้นรถไฟไว้ใน PART.1 จะเห็นคำว่า FOR ที่ป้ายนะครับว่ามันสำคัญแค่ไหน ถ้าขึ้นผิดชีวิตเปลี่ยนนะครับ 5555+ ทำการบ้านกันดีๆ

จากร้านซูชิที่อูเอโนะ เราจะไปต่อกันที่วัดเซ็นโซจิ (Sensō-ji Temple) โดยนั่งรถไฟสาย (G)GinzaLine For Tawaramachi,Asakusa  (เสียเงินอีก 170y) 


ออกจากรถไฟมาไม่ต้องกลัวหลง มีป้ายบอกชัดเจน ว่าต้องเดินไปทางไหน

13.40น. สถานที่แรกที่เราจะไปกัน Asakusa Culture and Tourism Center ซึ่งจะอยู่ตรงข้ามกับวัดเลย ให้ขึ้นไปชั้นบนสุดนะครับ จะมีร้านกาแฟ และ จุดชมวิว (ฟรี)

วันที่ผมไปอากาศประมาณ3องศา และลมแรงมาก ไม่มีใครออกมาถ่ายรูปเลย ยืนกันด้านในไม่ออกมา เวลาจะดูรูปที่ถ่ายในกล้องนี่ต้องนั่งยองๆกับพื้นเพื่อหลบลมกันเลย หนาวมว๊ากก




วิวด้านหน้าจะเห็นวัด Sensō-ji กับถนน Nakamise shopping street 





ทางด้านขวามือก็จะเป็น TOKYO SKYTREE ดูจากรูปก่อนเดินทางมาก็ไม่คิดว่าจะใหญ่โต พอมาเห็นกับตา มันใหญ่โตอลังการงานสร้างเหลือเกิน 


บริเวณหน้าประตูวัด คนเยอะมากๆ ยืนกันเต็มเพื่อที่จะถ่ายรูป











ก่อนมาก็กะว่าจะไม่กิน พอเดินผ่านเท่านั้นแหละ กลิ่นมันหอมเย้ายวนใจซะเหลือเกิน อดไม่ได้จริงๆ



เข้ามาข้างใน ก็จะมีโคมแดงให้ได้ถ่ายรูปกันอีก แต่คนก็เยอะมากๆเช่นกัน


มาถึงแล้วก็ตามธรรมเนียม แฟนก็ต้องไปไหว้พระขอพร ส่วนเราก็พวกอยากรู้อยากเห็นว่าที่จุดธูปข้างในเป็นอะไร ทำไมที่ไทยไม่ทำแบบนี้บ้างงงง






ใช้เวลานานพอสมควรเลยครับที่วัดนี้ เดินถ่ายรูปเล่น นั่งชมวิว ไปเรื่อยก็ได้เวลาไปกันต่อ



หาของกินเล่นไปเรื่อยๆครับ เจออะไรน่ากินก็กินหมดถ้าท้องพอจะรับได้ 5555




2ร้านนี้จะอยู่ติดกัน มีที่ให้นั่งกินข้างๆร้าน เลยจัดเลยครับ



ใครที่ชอบของหวาน น่าจะติดใจทั้งคู่เลย อยากกลับไปกินอีกจริงๆ

15.50น.เดินมาชมวิวแม่น้ำสุมิดะ (Sumida River) จะเห็นตึก Tokyo Skytree กับ ตึกอาซาฮี




กาลเวลาเปลี่ยนไป นินจาสมัยนี้ก็ยังใช้ SmartPhone

16.00น.เราก็ไปกันต่อ จุดหมายคือ Tokyo Skytree
จากสถานี Asakusa ให้ใช้รถไฟสาย Toei AsakusaLine for Shibayamachiyoda ถ้าลงมาถูกชานชลาแล้วละก็ รถขบวนไหนมาขึ้นได้เลยครับ เพราะผ่าน Tokyo Skytree ทุกสาย 
นั่งไป2สถานี เส้นทางประมาณนี้

ใครหา Toei AsakusaLine ไม่เจอให้เดินลงมาตามภาพนะครับ จากหน้าวัดผมหาไม่เจอเลยต้องเดินลงมาหน่อยนึงลงประตู A5 (วงกลมเล็กๆ) 


2สถานี 180y วันแรกก็ซื้อตั๋วจนคล่องแล้ว


จากสถานีรถไฟจะมีป้ายบอกให้เดินไปทางไหน ก็เดินมาตามทางเลย 
เจอด้านบนมีลานสเก็ตน้ำแข็งด้วย


16.54น. Tokyo Skytree มาถึงที่ แต่อดขึ้น รอคิวไม่ไหวจริงๆครับ แถวยาวมากถึงมากที่สุด น่าจะเกิน 300-400คน ที่ยืนรอซื้อตั๋วอยู่ ก่อนมากะว่าคนคงขึ้นน้อยหรือไม่ก็น่าจะพอรับได้ แต่ผิดคาดรู้งี้จองผ่านเวปมาตั้งแต่ไทยก็ดีอยู่แล้ว (เศร้าแพล๊บ)
แนะนำ ให้จองผ่านเวปมาดีกว่าครับ ช่องเคาน์เตอร์สำหรับคนที่จองมาแทบไม่มีใครต่อคิวเลย 
http://www.tokyo-skytree.jp/th/reservation  





ถึงไม่ได้ขึ้นไปชมวิว ก็มาเดินเล่นในอาคารกันครับ มีของล่อตาล่อใจมากๆ ถ้าอดใจไม่ไหวนี่กระเป๋าฉีกตั้งแต่วันแรกแน่ๆ


17.30น.ที่ญี่ปุ่นก็เริ่มมืดแล้ว กลับไปย่าน Asakusa กันอีกรอบ 

กลับมาขึ้นรถไฟที่สถานีเดิม ขากลับเสียอีก 180y

ไว้คราวหน้าจะจองมาจากไทยเลย ต้องขึ้นให้ได้ Tokyo Skytree

18.00น.กลับมาที่วัดSensō-jiอีกรอบกะว่าคนคงน้อยละจะได้ถ่ายรูป แต่ คนก็ยังเยอะอยู่เหมือนเดิม ถอดใจ ถ่ายแค่นี้ก็ได้ 

บรรยากาศกลางคืนก็น่าเดินเหมือนกันนะครับ

18.30น.ก็ได้เวลากินอีกแล้ว ร้านที่ตั้งใจมากินก็คือ Isomaru สาขา Asakusa อยู่ใกล้ๆกับวัดเลย
http://www.isomaru.jp 

สาขานี้จะเล็กกว่าสาขาอูเอโนะ คนไม่แน่น และควันบุหรี่แทบไม่มีครับ แนะนำๆ




ดูจากเมนูแล้วก็ชี้ๆๆๆๆ เลยครับ 

มีวิธีการย่างด้วยว่าต้องวางแบบไหน หอยถึงจะเปิดฝาออกเอง


หอยตัวใหญ่สุดๆ

มิโซะมันปู อร่อยมาก 


ขมเกิ้นนนนน

สั่งมากินคู่กับเบียร์เย็นๆ



เบียร์ที่ญี่ปุ่นนี่อร่อยถูกใจจริงๆ

ค่าเสียหายสำหรับสองคนวันนี้ 5,284y เดี๋ยว Partหน้าจะพาไปกินสาขาอูเอโนะกันบ้าง



อิ่มแล้วนั่งรถไฟกลับที่พัก โดนอีก 170y
จาก Azakusa มาสถานี Inachiro(ที่พัก) นั่งสายเดิม (G)GinzaLine แต่ For Ueno,Shibuya

20.14น.ออกจากสถานี Inchiro จะเข้าที่พักตัวเปล่าก็คงไม่ได้ ที่พักเราดันอยู่ใกล้ร้านสะดวกซื้อ งานกินมื้อดึกๆเลยต้องมา ใครไม่เคยซื้อของกินในร้านสะดวกซื้อแนะนำๆ อร่อยจริงๆ ไม่เชื่อต้องมาโดนเอง

จบแล้วครับสำหรับPART2 วันแรกที่ญี่ปุ่น เที่ยวใกล้ๆ ฝึกดูป้าย นั่งรถไฟ และปรับตัว เดี๋ยววันที่สองไปเทิร์นโปรกันเลยที่ YUZAWA
กด Like เพจเพื่อติดตามรีวิวข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวได้ที่

PART.3 GALA YUZAWA-YUZAWA KOGEN 





















  








ความคิดเห็น